2. Las Vegas เป็นเมืองที่สร้างรายได้ให้กับประเทศสหรัฐอเมริกามหาศาลเต็มไปด้วยนักพนันยามราตรี สร้างขึ้นกลางทะเลทรายใช้น้ำมากที่สุดในโลก มีเขื่อนยักษ์ Hoover Dam คอยปั่นไฟให้กลางคืนเหมือนเป็นกลางวัน เมืองนี้ทำลายระบบนิเวศน์เป็นอย่างมาก ธรรมชาติถูกรุกรานเพื่อความเจริญของมนุษย์โดยคิดถึงแต่กำไรของตัวเองแต่นึกถึงธรรมชาติของโลกน้อยลง
3. ป่าชุกน้ำ มีเนื้อที่ 6% ของโลกสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างดี บึงเปรียบเสมือนฟองน้ำดูดซับน้ำ แล้วปล่อยน้ำอกมาในหน้าแล้งโดยเก็บน้ำตอนหน้าฝน น้ำที่มาจากยอดเขานั้นได้สร้างเมล็ดพันธุ์จากดินแดน เป็นทุ่งหญ้า เลี้ยงสัตว์ และที่ดินทำกิน ถ้าป่าชุกน้ำถูกทำลายก็มีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เป็นป่าที่มีประโยชน์มากแต่ก็ถูกทำลายไปมากเหมือนกันเกิดปัญหาต่ออุณหภูมิของโลกเป็นอย่างมากถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาแล้วช่วยกันทำลายต่อไป
4. ป่าโกงกาง เป็นป่าที่มีน้ำขึ้นน้ำลงขึ้นบนหาดดินเลน เปรียบเสมือนรั้วสีเขียวที่ป้องกันลดความรุนแรงของลมคลื่นที่พัดมาแนวตลิ่งของแผ่นดินเป็นอนุบาลปะการัง บทบาททางนิเวศของป่าชายเลนทำให้ดินตะกอนแม่น้ำจนถมทะเลให้ตื้นเป็นสันดอนทราย และพัฒนาเป็นแผ่นดินงอกในทะเลมากขึ้น เป็นผลดีมากต่อธรรมชาติบนโลก
5. Amazon ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีมากว่า 100ล้านปีแล้ว มีแม่น้ำอเมซอนเป็นสิ่งแบ่งป่าออกเป็นตอนเหนือและตอนใต้ มีต้นน้ำอยู่ที่ เทือกเขาแอนดีส ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกปริมาณน้ำที่พุ่งลงมหาสมุทรจึงมีมหาศาลดันน้ำเค็มให้ห่างจากฝั่งได้เกือบ 200 กิโลเมตร มีอุณหภูมิคงที่มีแต่ฤดูเปียกกับแห้งแสงอสทิตย์ในป่าสามารถส่องถึงพื้นดินได้เพียง 10% มีสัตว์หายากมากมาย ปัจจุบันถูกเปลี่ยนให้เป็นพื่นที่เกษตรทั้งการเผาป่า จนเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วเกิดภาวะเรือนกระจก เกิดภาวะโลกร้อน สัตว์นับพันสูญหายไปตลอดกาลไม่ดีมากๆ
6. ยูคาลิปตัส เป็นพันธุ์ไม้มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลีย ถูกนำมาทำเป็นกระดาษเป็นต้นไม้ที่มีพื้นที่ของกระพี้มาก จึงมีพื้นที่สู่การลำเลียงน้ำมากตามไปสามารถหยั่งรากลงไปในดินในระดับลึกปล่อยอินทรีย์วัตถุลงในดินจึงทำลายหน้าดินเป็นพิษกับพืชส่วนใหญ่ดังนั้นการไถกลบเศษใบยูคาลปตัสจึงเป็นหนทางแก้ไขทางหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณอินทรีย์วัตถุที่สะสมตลอดระยะเวลาปลูก และลดระดับผลกระทบต่อพืชที่จะปลูกภายหลังรื้อสวนป่าออกแล้ว แต่การปลูกมากๆก็ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าอยู่ดี
7. ราปานุย เป็นเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ในการปกครองของประเทศชิลี เพราะคนใช้ประโยชน์บนเกาะจนหมดสิ้น ตกปลาก็ไม่ได้เพราะไม่มีต้นไม้ ต้นไม้ไม่มีสภาพดินก็เสื่อม เคยมีชนเผ่าหูสั้นและหูยาวอาศัยและทำสงครามกัน จากการที่ชาวพื้นเมืองไม่ได้บันทึกอะไรไว้เลย สิ่งที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลังคือเล่าจากปากต่อปาก ต้นตอของสิ่งต่าง ๆ จึงได้ตายหายไปพร้อมกับชาวพื้นเมืองที่ลดจำนวนลงไปด้วย แม้จะมีข้อความสัญลักษณ์ แต่ก็ไม่สามารถถอดความได้ และยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าชาวเกาะอีสเตอร์ได้อพยบมาจากที่ใดแต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ. 380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมอาย (moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ ถ้าเราไม่รักษาสิ่งแวดล้อมให้ใช้ได้อย่างยั่งยืน ก็คงไม่เหลืออะไรเหมือนตัวอย่างจากเกาะนี้เหมือนกัน
8. บ้านประหยัดพลังงาน มี Solarcell เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานที่เราใช้ได้สิ่งประดิษฐ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่สร้างจากสารกึ่งตัวนำ ซึ่งสามารถเปลี่ยน พลังงานแสงอาทิตย์ ( หรือแสงจากหลอดแสงสว่าง) ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ได้โดยตรง และไฟฟ้าที่ได้นั้น จะเป็นไฟฟ้ากระแสตรง Direct Current ถึงแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการสร้างเซล ที่สามารถแปลงแสง เป็นไฟสลับ ได้แล้วก็ตาม จัดว่าเป็นแหล่งพลังงานทดแทน ชนิดหนึ่ง ( Renewable Energy ) สะอาด และไม่สร้างมลภาวะใดๆ ขณะใช้งาน เซลล์แสงอาทิตย์ผลิตพลังงานไฟฟ้า ได้มากน้อยเพียงใด เป็นบ้านที่น่าสนใจมาก ปัจจุบันก็มีคนใช้เยอะกันทั่วโลก บางที่ก็รณรงค์ใช้กันเป็นหมู่คณะเลย คิดถึงอนาคตแล้วยังไงก็คุ้มและอยู่ได้ยาวนานไม่เป็นผลเสีย
9. ต้นไม้ เป็นที่อยู่ของสัตว์ แมลงนานาชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคือพืชยืนต้นขนาดใหญ่ ต้นไม้มีอายุยืนยาวเมื่อเปรียบเทียบกับพืชในลักษณะอื่น ๆ บางสายพันธุ์สามารถสูงได้ถึง 115 เมตร และบางพันธุ์สามารถมีอายุยืนยาวสองถึงสามพันปี ต้นไม้ทุกชนิดจัดว่าเป็นพืช แต่พืชบางชนิดอาจไม่จัดว่าเป็นต้นไม้ เช่น พืชเถาขนาดเล็ก หญ้า สาหร่าย เป็นต้น ต้นไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญของภูมิประเทศตามธรรมชาติ เนื่องจากมันสามารถป้องกันภูมิประเทศจากการกัดเซาะ และเป็นส่วนสำคัญของการปรับภูมิทัศน์และการเกษตร เนื้อไม้จากต้นไม้เป็นวัสดุที่ใช้ทั่วไปในการก่อสร้าง เราจึงต้องใส่ใจและช่วยกันปลูกต้นไม้เยอะๆ เพราะต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญต่อโลกเป็นอย่างมาก
10. ป่าไม้ สร้างความชุ่มชื้นที่จำเป็นให้ชีวิต คือพ่อแม่หลักกิโลของภูมิอากาศที่ทุกสิ่งบนโลกต้องพึ่งพามีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้น เช่น ความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ ความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ มีสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตอื่นซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มนุษย์ชอบทำลายสิ่งที่ธรรมชาติให้มา แม้แต่ป่าก็ยังรุกราน เราจึงต้องช่วยกันอนุรักษ์และปลูกป่าเพิ่มกันเยอะๆตลอดๆ ไม่เช่นนั้นอนาคตคงไม่มีแผ่นดินให้อยู่แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น